
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยแก่มูลนิธิ ดร.สุกรี เจริญสุข ในโครงการดนตรีพื้นถิ่นเพื่อสืบทอดโดยการบรรเลงผ่านวงดนตรีสากลไทยซิมโฟนีออเคสตร้าในหลายจังหวัดอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้จัดการแสดง ในชุด อมตะสยามที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธานเปิดงาน และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ให้เกียรติร่วมงานคอนเสิร์ตและชมการแสดงตลอดมาเมื่อเย็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566
ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิ สุกรี เจริญสุข ได้เชิญ ศ.(พิเศษ)ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวง อว.พร้อมด้วย ดร. วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติและคณะเดินทางมาเยี่ยมชมโรงเรียนสอนดนตรีเอื้อมอารี ซึ่งดำเนินงานโดย มูลนิธิ สุกรี เจริญสุข ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธมณฑลสาย2 และร่วมชมการแสดงดนตรี จาก นักดนตรีอัจฉริยะที่มีความสามารถพิเศษรายแรกของประเทศไทย จนสามารถนำวิชาดนตรีไปประกอบอาชีพได้ คือน้องวุฒิ หรือ ณัฐวุฒิ กีรติชัยพันธ์ ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ ชั้นปีที่4 และ น้องซิน หรือ จิรัชญา ศรีนคร ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ชั้นปีที่ 2 นับเป็นอีกผลงานของมูลนิธิฯ
ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรี อว. กล่าวแสดงความชื่นชม ดร.สุกรี เจริญสุข ว่า ถือเป็นปูชนียบุคคลในด้านการดนตรีระดับชั้นแนวหน้าของประเทศไทย และยังได้เปิดโรงเรียนสอนดนตรี ทำให้เด็กพิเศษได้แสดงความสามารถ เป็นไปตามที่ตนเคยพูดเสมอว่า ประเทศไทยมีคนเก่งอยู่มาก มีต้นทุนที่ดี อยู่ที่โอกาสในการสนับสนุน การได้เห็น
นักดนตรีหลายคนในวันนี้ เชื่อว่าจะสามารถหารายได้จากการแสดงดนตรีได้เป็นอย่างดีในส่วนของ กระทรวง อว.พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุนวิจัย ผ่าน วช.และมีความยินดีที่ วช.ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่ ดร.สุกรี เจริญสุข เพราะงานวิจัยไม่จำเป็นจะต้องเป็นงานด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น 3ปีที่ผ่านมา เมื่อตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี อว.ได้ทำให้งานวิจัยมีทั้งการวิจัยด้านดนตรี ด้านอาหาร และวัฒนธรรมพื้นถิ่น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย
และเชื่อว่ารัฐบาลหน้า ถ้าตนยังมีโอกาสก็จะสานงานที่จะเป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองต่อไปด้านดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิ สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับมอบหมายจาก อธิการบดีในยุคนั้นให้จัดทำหลักสูตร ดนตรีบำบัด โดยการใช้ดนตรีเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างสุขภาวะที่ดีแก่บุคคลผู้เปราะบางและพิการ แต่หลังพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ หลักสูตรดังกล่าวไม่ได้รับการสานต่อ จึงตัดสินใจมาตั้งโรงเรียนดนตรีในชื่อ เอื้อมอารี เปิดสอนเด็กตั้งแต่อายุ0-3 ขวบ และเป็นโรงเรียนแห่งเดียวในประเทศไทยที่สอนเด็กอายุ0-3ขวบ ขณะนี้มีนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่รัศมีประมาณ 200 เมตร รวม700 คน
ดร. สุกรี เจริญสุข กล่าวย้ำว่าปัจจุบันทางโรงเรียนเอื้ออารี นอกจากจะเปิดสอนดนตรีแก่ผู้สนใจตั้งแต่เยาว์วัย จนมีความผูกพันทั้งกับพ่อแม่ผู้ปกครองและตัวเด็กที่เรียนแล้ว ทางโรงเรียนได้เปิดการแสดงคอนเสิร์ตให้บุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าชมเดือนละ2 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็จะได้รับการต้อนรับจากผู้ชมอย่างอบอุ่นตลอดมาผ่านการจองที่นั่งจำนวนจำกัด
“มูลนิธิฯไม่มีรายได้จากสิ่งที่ทำ คนมักจะคิดถึงเราเสมอเวลาไม่มีเงินก็มาขอให้เราช่วย แต่เวลามีเงินก็ไม่ได้คิดถึงเราอีก แต่ทุกวันนี้ที่ยังทำงานสานต่อทางดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานวิจัยดนตรีพื้นถิ่นเพื่อถ่ายทอดสู่สากลในรูปแบบวงไทยซิมโฟนีซึ่ง วช.ให้ทุนสนับสนุนการจัดตั้งวงปล่อยแก่ที่นำผู้สูงวัยมาใช้เวลาว่างเล่นดนตรีและการจัดตั้งโรงเรียนสอนดนตรีเอื้ออารี ตั้งแต่วัย0-3 ปี เป็นสิ่งที่ยังมุ่งมั่นในการทำงานโดยไม่รู้สึกท้อแท้ซึ่งการเชิญรัฐมนตรี อว.และผู้อำนวยการ วช.มาในครั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นถึงสิ่งที่เราได้ทำโดยเฉพาะงานในด้านการสอนดนตรีให้แก่เด็กพิเศษ ซึ่งถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม การที่คนระดับรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ วช.มาเยี่ยมชมงานในครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ไฮไลต์ของการแสดงดนตรีครั้งนี้ อยู่ที่ การแสดงของน้องวุฒิ มือกลองซึ่งเป็นเด็กพิเศษที่พ่อแม่พาเข้ามาเรียนตั้งแต่ 6 ขวบ ปัจจุบันสามารถเล่นดนตรีหาเลี้ยงชีพมีรายได้เดือนละ20,000 บาท และน้องซิน เล่นกีต้าร์ คู่กัน